Quant Beginning of Kevin J Davey

#ABRR05 AmiBroker Rerun Episode 05

Episode 5 จะขอพักเนื้อหา ABEC ไว้ก่อน แล้วมาพูดถึง ประสบการณ์ #เริ่มต้นเป็น Quant ของแชมป์ 3 สมัย World Cup of Futures Trading Championships (https://www.worldcupchampionships.com/) คุณ Kevin J. Davey ผู้เขียนหนังสือ Building Winning Algorithmic Trading Systems (https://amzn.to/3sSJcgQ)

World Cup of Futures Trading Championships

Kevin J Davey

Building Winning Algorithmic Trading Systems

พวกเราหลายคนก็คงมีประสบการณ์คล้ายคุณเควิน ที่ถึงแม้จะมีการงานที่มั่นคง เงินดี แต่ยังต้องการชีวิตอิสระ และต้องการมีเครื่องมือช่วยหาเงิน ไม่ต้องตื่นเช้าไปทำงานประจำ และไม่ต้องการเป็นลูกน้องใคร ซึ่งในตอนเริ่มแรกเลย คุณเควิน ดันไปหลงใหลเรื่องชวนฝันถึงการทำเงินง่ายๆ จากอีเมล์สแปมเรื่องการเทรดเบื้องต้นที่สอนหลักๆคือเรื่อง Price Pattern โฟกัสไปที่ Head-and-Shoulder (HS) ด้วยการใช้ตาสังเกต แล้วเทรดตามที่ตาเห็น โดยในภายหลัง คุณเควิน ก็ชี้แจงว่า ปัญหา คือ

  1. HS นั้นมีในแทบทุกหุ้น สังเกตุได้จริงๆก็ต่อเมื่อมันผ่านมาแล้ว พอเทรดจริงกลับไม่ได้กำไรอย่างที่คิด
  2. ความรู้ยังมีไม่พอ ไม่รู้จักแม้กระทั่ง Drawdown, Risk of Ruin และความรู้พื้นฐานอื่นๆ
  3. ไม่ได้ทำการทดสอบด้วยระบบ ผ่านโปรแกรม เช่น Trade Station (ในกรณีของเราก็คือ #AmiBroker)

เพียงแค่เดือนเดียว คุณเควินก็ขาดทุนจนล้มเลิกเทรดด้วย HS แล้วเริ่มพิจารณาการใช้การคำนวณคณิตศาสตร์เข้ามาช่วยในการเทรด ซึ่งอันนี้ก็น่าจะเหมือนกับพวกเราหลายๆคน คือ เริ่มต้นใช้ Moving Averages, MA (ตลกดีครับ ผมก็เหมือนกัน 55) ซึ่งสำหรับคนที่เริ่มต้นอาจไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหรือไม่ควรเทรด MA เพราะมันจะทำงานได้ดีเฉพาะในช่วง Trend แต่พ่ายแพ้ในช่วง Sideway

 

หลังจากกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง คุณเควินก็เริ่มเจออุปสรรคอื่นๆที่มาจากการเทรดจริง เช่น Slippage, Broker’s errors (ให้ นศ ทวน TSDC) ทำให้ในที่สุดก็ขาดทุนจนต้องหยุดเทรด… แล้วเริ่มตระหนักถึง

  1. ต้องศึกษาหาความรู้อย่างจริงจัง
  2. ต้องใช้โปรแกรมและ Simulation ในการทดสอบกลยุทธ์เป็นร้อยๆรอบ
  3. ต้องหาเงินต้นเพื่อกลับมาเทรด (TSDC: Minimum Initial Capital)

หลังจากเริ่มต้นศึกษาอย่างจริงจัง อ่านหนังสือเป็นสิบๆเล่ม คุณเควินกล่าวว่า เค้าสับสนมาก เพราะหนังสือแต่ล่ะเล่มพูดไม่เหมือนกัน เช่น

  • บางเล่มบอกต้องมี stop losses บางเล่มบอกไม่ต้อง
  • บางเล่มบอกสัญญาณซื้อ (entries, Buy) บางเล่มบอก สัญญาณขาย (exits, Sell) สำคัญสุด
  • บางเล่มบอกกลยุทธ์ Trend Following ดีสุด บางเล่มบอกว่า มันได้ตายไปแล้วใช้ไม่ได้

(คนที่เคยเขียนและทดสอบจะรู้ว่ามันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก รวมถึงภาพรวมทั้งหมดของกลยุทธ์นั้นๆ ว่าเมื่อทุกองค์ประกอบรวมกันแล้ว อันไหนจริง อันไหนไม่จริง ซึ่งอาจจะขึ้นกลยุทธ์นั้นๆเท่านั้น หรือเป็นจริงโดยทั่วไป กับทุกกลยุทธ์… ประเด็น คือ เราต้องทดสอบ backtest เองให้มั่นใจ)

 

ณ จุดนี้ คุณเควิน ได้ถึงบางอ้อ ว่า… ไม่ได้มีกลยุทธ์แค่แบบเดียวที่เทรดแล้วได้กำไร เราเองนั้นแหล่ะที่ต้อง ทดสอบกลยุทธ์ของเราให้ดี

 

แต่คงเป็นกรรมของคุณเควิน (555) เพราะ แม้คุณเควินจะเขียนโปรแกรม backtest กลยุทธ์ของตัวเอง แต่เค้าได้ยอมรับว่า มันเป็นการทดสอบแบบผิดๆ!!! (คนส่วนมากไม่รู้ตัวว่าทดสอบไม่ครบถ้วนและทดสอบผิดๆ ยังไงให้ลองอ่าน http://thaiquants.com/backtesting/ ) และ คุณเควินยังใช้ Microsoft Excel กับ VBA เป็นหลักในการทดสอบระบบ (สำหรับมือใหม่… ไม่ควรเลย! โอกาสผิดพลาดเยอะมาก! จนไม่มีความเป็นไปได้เลย เน้น… ไม่มีความเป็นไปได้เลย!!!) และก็ได้ผลลัพธ์สวยหรูเกินจริง เลยไม่เทรด (อันนี้ยังโชคดี)

 

แต่คุณเควินก็ยังสู้ต่อไป ลองเทรดแบบถัวเฉลี่ย ยิ่งลงยิ่งซื้อ (โถ่ๆๆ คุณเควิน… ผมชักสงสารแก) รวมถึงกลยุทธ์อื่นๆมาเทรด ซึ่งได้บทสรุปดังนี้

  • กลยุทธ์เส้นเฉลี่ยตัดกัน –ขาดทุน
  • กลยุทธ์กลับสู่เส้นเฉลี่ย –ขาดทุน
  • ทดสอบระบบเทรดเป็นพันๆ -ไม่เทรด เพราะได้ผลดีเกินจริง
  • กลยุทธ์ทยอยเข้า –ขาดทุน
  • กลยุทธ์ถัวเฉลี่ย –ขาดทุน
  • กลยุทธ์เทรดตามอารมณ์ ตามข่าว ตามความคิดตัวเอง –ขาดทุน

ไม่ว่าจะเทรดด้วยกลยุทธ์แบบไหน คุณเควินก็เอาแต่ขาดทุน ขาดทุน และขาดทุน… แต่… สิ่งหนึ่งที่เหมือนจะเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่คุณเควินเห็น ก็คือ เค้าเชื่อว่าเค้ามีความสามารถใน “การพัฒนาระบบเทรดอัลกอริทึ่ม” (Developing mechanical trading algorithms) ถึงแม้การเทรดจะขาดทุน แต่เค้าเชื่อว่าเค้าสามารถเรียนรู้และพัฒนาระบบ เพื่อที่จะส่งผลให้ได้กำไรในที่สุด

 

World Cup of Futures Trading Championships

หลังจากที่คุณเควินได้โฟกัสเรื่อง Trading Systems และมีความรู้ด้านทดสอบที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Simulation, Walk forward analysis, และซื้อโปรแกรมสำหรับทดสอบกลยุทธ์โดยเฉพาะชื่อ Trade Station มาใช้ (โยน Excel & VBA ที่ทำเองทิ้งไป) ผนวกกับประสบการณ์ที่สะสมมาเกือบ 10ปี ทำให้คุณเควินมีความมั่นใจ เริ่มกลับมาเทรด อย่างจริงจังอีกครั้ง และเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าแข่งการเทรดขันระดับโลก World Cup of Futures Trading Championships ในปี 2005 2006 และ 2007 โดยก่อนที่จะลงแข่งขัน คุณเควินมีระบบเทรดที่ทำกำไรประมาณ 100% ต่อปีอยู่แล้ว เพียงแค่ drawdown สูงมาก ทั่งกระนั้นหลังจากได้รวบรวมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการแข่งขัน คุณเควินได้สรุปว่า ถ้าได้กำไร 100% และไม่ต้องสนใจ drawdown เลย เพราะการแข่งขันเน้นแต่กำไรรวม (ไม่พิจารณาเรื่องกำไรต่อความเสี่ยง เช่น CARG/MSDD) ก็จะมีโอกาสชนะการแข่งขัน ซึ่งจะอยู่ระหว่างอันดับ 1 ถึง 3 ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ คุณเควินได้ชนะการแข่งขัน 3 ครั้งติดๆกัน ดังต่อไปนี้

  • 2005 (อันดับ 2 กำไร 148%)
  • 2006 (อันดับ 1 กำไร 107%)
  • 2007 (อันดับ 2 กำไร 112%)

 

กลยุทธ์ที่ใช้ในการแข่งขัน คุณเควินได้ชี้แจง ตามนี้

 

ผมขอจบ Episode 5 ประวัติการเริ่มต้นนักลงทุนสายควอนทฺ แชมป์ 3 สมัย ของคุณเควิน Kevin J. Davey ด้วยการให้เครดิตคุณเควิน เรื่องการทดสอบแบบ Monkey Tests ( http://thaiquants.com/vlog/monkey-tests/ ) ที่เป็นการทดสอบศักยภาพสัญญาณซื้อขาย (Buy & Sell Signals) ว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน สามารถปรับปรุงได้อีกมั้ย? ขณะที่คนส่วนใหญ่อาจจะเปรียบเทียบกับ Benchmark ที่เป็น Index หลักๆของตลาดนั้นๆ เช่น SET Index แต่เนื่องด้วย กลยุทธ์ของเรามักประกอบด้วย Stop Losses และ Market Filter/Classification ทำให้การเปรียบเทียบกับแค่ Benchmark จะเป็นการเข้าข้างตัวเองเกินไปว่าดีกว่าตลาด (Index ไม่ stop losses และไม่มี market analysis) เราจึงควรทดสอบด้วย Monkey Tests ภายใต้ stop losses เหมือนกัน ภายใต้ filter/classification เหมือนกัน ต่างกันแต่ Buy & Sell Signals แล้วดูว่ามีศักยภาพขนาดไหน

 

ส่วนใครที่ยังไม่ได้อ่าน AmiBroker Rerun ที่ผ่านๆมา 4 episodes สามารถเข้าไปอ่านได้ที่

 

 

Final Act by ThaiQuants: #Rerun #ABRR

ดร. ชาคริต ศรีสุวรรณรัตน์

The Founder of ThaiQuants.com

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: https://line.me/ti/p/@thaiquants

 

เริ่มต้นอย่างไร: thaiquants.com/start

คำถามที่พบบ่อย: thaiquants.com/faq

ควอนทฺดียังไง: thaiquants.com/why-quant